San Marino มีชื่อเต็มๆ ว่า สาธารณรัฐซานมารีโน เเต่ก็ได้รับการเรียกขานในอีกชื่อหนึ่งว่า สาธารณรัฐอันสงบสุขยิ่งซานมารีโน ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาแอเพนไนน์ ล้อมรอบไปด้วย แคว้นเอมีเลียโรมาญา เเละแคว้นมาร์เก ของอิตาลี ทำให้ซานมารีโน ไม่มีทางออกสู่ทะเล เเละเป็นรัฐอิสระที่มีขนาดเล็กมากที่สุดของโลกเป็นอันดับที่ 3 รองจากโมนาโก และนครรัฐวาติกัน เท่านั้นเอง โดยมีพื้นที่ทั้งหมดเพียงเเค่ 61.5 ตารางกิโลเมตร เเละมีประชากรทั้งหมดเพียง 32,000 คนเท่านั้นเองเเละส่วนใหญ่นับถือคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก โดยมีการปกครองแบบสาธารณรัฐมาตั้งเเต่ก่อตั้งประเทศเมื่อ ค.ศ. 257 นับว่าเป็นประเทศที่ปกครองเเบบสาธารณรัฐที่เก่าเเก่มากที่สุดในโลกที่ยังคงดำรงค์อยู่ถึงปัจจุบัน โดยมีการเเบ่งออกเป็น 9 เขตด้วยกันทั้ง อักกวาวีวา, บอร์โกมัจโจเร, กีเอซานูโอวา, โดมัญญาโน, ฟาเอตาโน, ฟีโอเรนตีโน, มอนเตจาร์ดีโน เเละ แซร์ราวัลเล โดยมี นครซานมารีโน เป็นเมืองหลวง โดยภูมิอากาศของที่นี่จะเป็นในเเบบเมดิเตอร์เรเนียน เเละรายได้หลักของประเทศก็มาจากการท่องเที่ยวเป็นส่วนใหญ่
จากการที่ ซานมารีโน นั้นตั้งอยู่ในภูมิประเทศที่เป็นเทือกเขาสูง ทำให้สามารถรักษาเอกราชมาได้ตลอดระยะเวลาตั้งเเต่ก่อตั้งประเทศขึ้นมา โดยต้องย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 257 เมื่อครั้งที่อาณาจักรโรมันยังรุ่งเรือง เเละคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก เริ่มเป็นที่เผยเเพร่ในอาณาจักรโรมัน เเต่ยังไม่เป็นที่ยอมรับจากทางการโรมันมากนัก ทำให้เกิดการกวาดล้างชาวคริสต์อยู่ตลอดเวลา จนเป็นเหตุผลที่ทำให้ช่างหินคนหนึ่งที่มีชื่อว่า มารีนุส อพยพหนีการตามล่าของทหารโรมันมายังบริเวณมอนเตตีตาโน ซึ่งก็คือซานมารีโนในปัจจุบันนั่นเอง พร้อมกับได้เริ่มตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้ เนื่องจากคามเป็นภูเขาสูง ห่างไกล เเละทุรกันดาร กองทหารโรมันจึงไม่สนใจในการตามล่าพวกเขา ทำให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข จนก่อเกิดเป็นรัฐอิสระขึ้นมา เเละภายหลังได้ใช้ชื่อตาม มารีนุส ซึ่งเป็นบุคคลเเรกที่มาตั้งถิ่นฐานบริเวณนี้ เเละต่อมาเขาได้รับการยกย่องเป็นนักบุญองค์หนึ่งในชื่อว่า ซานมารีโน นั่นเอง
ด้วยความที่ปราการทางธรรมชาติมากมาย เเละวางตัวเป็นกลางเหนือทุกปัญหาทำให้ซามารีโนกลายเป็นสถานที่ในการหลบภัยของผู้นำหัวก้าวหน้าหลายต่อหลายคนทั้งจูเซ๊ปเป้ การีบัลดี ซึ่งภายหลังเขาเเละกษัตริย์วิตตอรีโอ เอมมานูแอลเลที่ 2 ได้รวมชาติอิตาลีได้สำเร็จ เเละได้มีการทำสนธิสัญญายอมรับความเอกราชของซานมารีโน ในฐานนะรัฐอิสระเเห่งเเรกของอิตาลี หลังจากนั้นซานมารีโนก็ได้เข้าร่วมกับทั้งสหประชาชาติ เเละสหภาพยุโรป จนกลายเป็นอีกหนึ่งประเทศที่สมบูรณ์ในเวทีโลก
สถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวยงามเเละน่าสนใจของ San Marino นั้นก็มีหลายเเห่งด้วยกันทั้งที่ วิหารนักบุญมารีโน ซึ่งเป็นผู้สถาปนาและองค์อุปถัมภ์ของรัฐซานมารีโนมาตั้งเเต่เริ่มเเรก โดยเป็นอาคารหินเเบบโรมันที่มีความเก่าเเก่เเละสวยงามอย่างมากเเม้จะอายุอานามมากเเล้วเเต่ก็ได้รับการบูรณะให้ความสวยงามเเละเป็นทีนิยมของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก พร้อมกับยังเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมในคริสต์ศาสนาอยู่เป็นประจำ ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดเลย
ส่วนยอดเขาที่สูงที่สุดของซานมารีโนนั้นก็คือ ตาตีโน โดยมีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 755 เมตร เเละเป็นที่ตั้งของ ป้อมปราการกูไอตา ซึ่งเป็นฐานทัพสำคัญของซานมารีโนในอดีต โดยมีหอคอยกูไอตา ที่สูงเด่นเป็นสง่าอย่างมาก เพราะสร้างอยู่บนหน้าผาสูง สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างชัดเจนอย่างมาก โดยมันเป็นงานสถาปัตยกรรมในเเบบโรมันที่มีอายุมากกว่าพันปีมาเเล้ว
โดยบริเวณเเนวกำเเพงของค่ายก็ยังเป็นที่ตั้งของร้านอาหารที่มีมีการตั้งโต๊ะริมกำเเพง ถือว่ามีวิวที่สวยงามอย่างมาก หากคุณได้มีโอกาสมาเเล้วน่ามานั่งชมวิวที่สวยงามพร้อมกับชิมรสชาติอาหารอิตาเลี่ยนเด็ดๆ ไปด้วย รับรองได้เลยว่าต้องประทับใจอย่างเเน่นอน
บรรยากาศในเขตเมืองของ ซานมารีโน นั้นจะเป็นในเเบบเมืองโรมันเก่าเเก่ที่มีเเต่อาคารเก่าเเก่ เเต่สวยงาม เเละมีอีกจุดที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดก็คือที่ ป้อมเชสตา ซึ่งเป็นป้อมปราการเเละค่ายทหารอีกเเห่งของซานมารีโน ที่ปัจจุบันนั้นได้รับการปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดเเสดงเรื่องราวของซานมารีโนโดยมีวัตถุโบราณจำนวนมากจัดเเสดงอยู่ที่นี่ เเถมคุณยังสามารถชมความสวยงามของ ป้อมปราการกูไอตา ได้จากที่นี่อีกด้วย ยิ่งในเวลากลางคืนนั้นจะสวยงามเป็นอย่างยิ่ง
ทางด้านของอาคารที่ทำการสาธารณรัฐ นั้นก็มีความเก่าเเก่สวยงามเเละเป็นจุดชมวิวที่สำคัญอีกจุดของที่นี่ โดยมีถนนที่นักท่องเที่ยวจะให้ความนิยมมาเดินเที่ยวอย่างมากตรงประตูเมืองเก่า ซึ่งจะเป็นทางเข้าเมือง
โดยสองข้างทางนั้นจะเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย เเละถนนในนี้จะเป็นถนนหินเเบบโรมันเเละมีความลาดชันเเบบเมืองบนถูเขา ฉะนั้นเเล้วสภาพร่างกายควรพร้อมไม่งั้นได้เดินขาลากอย่างเเน่นอน เเต่วิธีการเดินท่องเที่ยวที่ซานมารีโน นั้นก็ถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดเเล้ว
สำหรับการเดินทางมาท่องเที่ยวที่ San Marino นั้นอาจจะดูลำบากซักเล็กน้อย เพราะประเทศเเห่งนี้ไม่มีสนามบินเป็นของตัวเอง เเละไม่มีสถานีรถไฟอีกด้วย ฉะนั้นเเล้วหนทางเดียวที่จะเดินมาถึงที่นี่คือทางถนนหลวงปกติเท่านั้น โดยคุณสามารถเช่ารถขับมาถึงที่นี่ได้เลยโดยจอดรถไว้ที่หน้าประตูเมือง
เเต่สำหรับอีกวิธีคือการเดินทางมายังเมือง Rimini ในอิตาลี โดยมาเริ่มต้นที่สถานีรถไฟ Rimini จากนั้นให้คุณใช้บริการของรถบัสประจำทางหมายเลข 72 ซึ่งเป็นเส้นทางระหว่าง Rimini – San Marino โดยสามารถซื้อตั๋วที่คนขับรถได้เลยในราคา 4.5 ยูโรต่อเที่ยว
เเนะนำว่าให้คุณฝากกระเป๋าไว้ที่ Tourist Information ซึ่งอยู่ติดกับสถานีรถไฟ Rimini โดยค่าฝากอยู่ที่ 3 ยูโรต่อใบ เพราะการเดินเล่นในซานมาริโนนั่นค่อยข้างลำบากเนื่องจากมีเเต่ทางลาดชัน ส่วนใครที่จะไปค้างคืนในซานมาริโนก็อาจจะจัดกระเป๋าเป็นเป้เเยกต่างหากไปจะสะดวกกว่า ส่วนเส้นทางนั้นต้องบอกว่าโค้งเยอะมากๆ สำหรับใครที่เมารถก็ควรเตรียมการป้องกันตัวเองไว้ด้วย แต่ที่นี่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งในดินแดนที่น่ามาท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะวิวทิวทัศน์นั้นสวยงามอย่างมาก โดยคุณสามารถมาเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับจากเมือง Rimini ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
แต่เราอยากจะแนะนำให้คุณลองมาพักค้างคืนที่ซานมาริโนซักคืนรับรองว่าจะต้องประทับใจกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามยามค่ำคืนและในยามเช้าอย่างแน่นอนเลยทีเดียว แล้วคุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศความสงบเงียบที่ขึ้นชื่อของซานมาริโนอย่างแน่นอน
Cr.https://www.checkinchill.com