10 ออนเซ็น ทั่วญี่ปุ่น แช่ดี วิวเด่น คุณภาพเน้นๆ
10 ออนเซ็น ทั่วญี่ปุ่น แช่ดี วิวเด่น คุณภาพเน้นๆ
1. ฮาโกเน่ ออนเซ็น (Hakone Onsen)
ถ้าพูดถึงฮาโกเน่ สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวก็ต้องเป็นออนเซ็นเลย เพราะที่นี่มีน้ำร้อนที่ผุดขึ้นมาจำนวนมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ออนเซ็นแห่งนี้เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟฮาโกเน่ซึ่งกินระยะเวลายาวนานกว่า 4 แสนปีเลยทีเดียว สิ่งที่ทำให้ได้รับความนิยมก็คือ ทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้กับโตเกียว ทำให้เดินทางสะดวก แถมยังเป็นแหล่งออนเซ็นที่สามารถเพลิดเพลินกับการชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นได้ด้วย ยิ่งมาในฤดูกาลที่การชมซากุระนะ ไม่ต้องพูดถึงความสวยงามเลย เพราะมันสวยมากๆ

2. คุซัทสึ ออนเซ็น (Kusatsu Onsen)
คุซัทสึ ออนเซ็น เมืองออนเซ็นขนาดใหญ่ ในจังหวัดกุนมะ มีปริมาณน้ำพุร้อนที่ผุดออกมาเองโดยธรรมชาติมากที่สุดในญี่ปุ่น สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 3 ล้านคนต่อปีเลยทีเดียว บ่อออนเซ็นของที่นี่จะใช้น้ำ
เก็นเซ็นคาเคนากาชิ ซึ่งหมายถึงน้ำออนเซ็นที่ไม่ผ่านการผสมน้ำเปล่าเพื่อปรับอุณหภูมิใดๆ เลย ทำให้มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อและช่วยให้ร่างกายอบอุ่นได้ในแบบออนเซ็นตามธรรมชาติอย่างดีเยี่ยม ทำให้เป็น 1 ใน 3 น้ำพุร้อนที่ดีที่สุดของประเทศญี่ปุ่น

3. คิโนซาคิ ออนเซ็น (Kinosaki Onsen)
คิโนซาคิ ออนเซ็น ถือว่าเป็นแหล่งออนเซ็นชื่อดังของแถบคันไซ ที่ตั้งอยู่ในทางตอนเหนือของจังหวัดเฮียวโกะ มีความเก่าแก่ที่เป็นตำนานกว่า 1,300 ปีเลยทีเดียว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งพักผ่อนและแหล่งท่องเที่ยวที่มีผู้คนเดินทางมาเป็นจำนวนมากในแต่ละปี ที่นี่มีบรรยากาศสบายๆ ยังคงมีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นโบราณอยู่ เพราะตัวบ้านเรือนยังเป็นบ้านไม้เรียงรายตามสองข้างทาง ซึ่งมีคลองเล็กๆ กั้นอยู่ คุณสมบัติของออนเซ็นที่นี่เรียกได้ว่าโดดเด่นมากในเรื่องของการรักษาแผล เพราะมีส่วนประกอบของโซเดียมและแคลเซียม ว่ากันว่ามีสรรพคุณช่วยรักษาโรคปวดเส้นประสาท อาการปวดกล้ามเนื้อ แผลฟกช้ำ และโรคระบบทางเดินอาหารด้วย และที่คิโนซาคิออนเซ็นนี้มีตำนานเล่าอีกว่า มีนกกระสาขาวตัวหนึ่ง เกิดบาดเจ็บหนักมาและได้บินลงบ่อน้ำร้อน เมื่อชาวบ้านแถวนั้นมาพบเข้าก็ต้องแปลกใจเป็นอย่างมาก เพราะบาดแผลเหล่านั้นกลับค่อยๆ จางหายไป ผู้คนทั้งหลายจึงตระหนักเป็นครั้งแรกว่านี่คือน้ำพุธรรมชาติอันศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถเยียวยาอาการเจ็บปวดได้ จนกลายเป็นบ่อน้ำร้อนที่คนลงไปแช่น้ำสืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้

4. โนโบริเบทสึ ออนเซ็น (Noboribetsu Onsen)
ย้ายมาแช่ออนเซ็นทางตอนเหนือของญี่ปุ่นกันบ้าง ที่นี่ โนโบริเบทสึออนเซ็น เรียกได้ว่าเป็นย่านบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่งของฮอกไกโดเลยแหละ ซึ่งโนโบริเบทสึออนเซ็น เป็นเมืองกลางหุบเขาทางตะวันตกเฉียงใต้ของฮอกไกโด ได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองแห่งบ่อน้ำพุร้อน เพราะที่นี่มีบ่อออนเซ็นหลากหลายมาก ทั้งกำมะถัน เกลือ โซเดียมไบคาร์บอเนต เป็นต้น เลือกแช่กันได้ตามใจชอบ นอกจากนี้ยังมีที่พักมากมายให้ได้เลือกันกันตามความต้องการ ทั้งแบบโรงแรม เรียวกังสไตล์ญี่ปุ่น ราคาก็มีให้เลือกหลายแบบ และถ้าใครอยากอาบน้ำแบบห้องน้ำสาธารณะที่นี่ก็มีเหมือนกัน อยู่ใจกลางเมืองเลย

5. ยูฟุอิน ออนเซ็น (Yufuin Onsen)
ยูฟุอินออนเซ็น เป็นหมู่บ้านออนเซ็นที่เมืองยูฟุ จังหวัดโออิตะ บนเกาะคิวชู เป็นเมืองขนาดเล็กแต่มีเสน่ห์ไม่แพ้ที่อื่นเลย เพราะมีวิวทิวทัศน์ของภูเขายูฟุ รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และพิพิธภัณฑ์ศิลปะ และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ ออนเซ็น (น้ำพุร้อน) ซึ่งที่นี่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “สรวงสวรรค์แห่งบ่อน้ำพุร้อน” เพราะเป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่อุดมสมบูรณ์มีตาน้ำถึง 852 จุด ถือว่าเป็นออนเซ็นที่มีตาน้ำมากเป็นอันดับสองในญี่ปุ่น และน้ำพุของที่นี่ไหลด้วยอัตรา 38,600 ลิตรต่อนาที ซึ่งมากเป็นอันดับสามในญี่ปุ่นอีกด้วย สรรพคุณของน้ำพุร้อนของยูฟุอินออนเซ็นส่วนมากก็จะช่วยในเรื่องผิวสวยตามธรรมชาติ เรื่องของการรักษาความชุ่มชื้น รักษาโรคผิวหนังต่างๆ แช่แล้วผิวหนังเด้งเต่งตึงแน่นอน

6. เบปปุ ออนเซ็น (Beppu Onsen)
เบปปุ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดโออิตะ (Oita) อยู่ชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง ฟุกุโอกะ ถือเป็นเมืองที่มีบ่อน้ำร้อนมากที่สุดในญี่ปุ่น ถ้าใครคิดถึงน้ำพุร้อนก็ต้องนึกถึงที่นี่แน่ๆ เพราะขึ้นชื่อเรื่องออนเซ็นที่มีแหล่งแร่ธาตุมาจากธรรมชาติ ไม่มีสิ่งเจือปน และมีคุณสมบัติครบถ้วนทุกอย่าง คือ น้ำในบ่อต้องมีอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียสและมีแร่ธาตุอย่างน้อย 1 ใน 19 ชนิด ซึ่งที่นี่มีครบองค์ประกอบเลยแหละ บ่อน้ำพุร้อนของที่นี่ส่วนมากจะเป็นแบบรวม แต่แยกชายหญิงชัดเจนนะ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถเลือกได้ด้วยว่าเราจะแช่บ่อแบบไหน ทั้งแบบถังไม้ แบบสระที่มีทั้งภายในและภายนอก หรือจะแบบกลางแจ้งสัมผัสบรรยากาศของธรรมชาติก็ได้เหมือนกัน

7. นิวโต ออนเซ็น (Nyuto Onsen)
นิวโตออนเซ็น เป็นหมู่บ้านออนเซ็นที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาของเมืองเซมโบกุ (Semboku) จังหวัดอากิตะ บริเวณทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ได้รับฉายาว่า ออนเซ็นลับ เพราะค่อนข้างเรียบง่าย เหมาะกับการมาพักผ่อนมากๆ ผู้คนไม่ค่อยเยอะ เนื่องจากเป็นทำเลที่ตั้งซึ่งเป็นเขตอุทยานแห่งชาติโทวาดะ ฮาจิมันไต (Towada Hachimantai) จึงได้รับการอนุรักษ์และมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติเป็นอย่างมาก ที่นี่มีออนเซ็นหรือแหล่งน้ำพุร้อนถึง 7 แห่งเลยทีเดียว ส่วนประกอบเด่นๆ ของนิวโตออนเซ็นเลยก็คือ เป็นออนเซ็นที่มีส่วนผสมของกำมะถัน แคลเซียมและแมกนีเซียม มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคผิวหนังและช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น เหมาะมากๆ สำหรับคนเป็นโรคผิวหนัง รวมถึงคนที่กระเพาะอาหารและลำไส้อ่อนแอด้วย ถ้ามาที่นี่ในฤดูหนาวจะได้บรรยากาศมากๆ นอนแช่น้ำพุร้อนท่ามกลางหิมะสีขาวช่วยคลายความหนาวได้ดีเลยแหละ

8.กินซัง ออนเซ็น (Ginzan Onsen)
แหล่งที่สองคงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะเป็นหมู่บ้านออนเซ็นที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ มีออนเซ็นที่สวยงามที่สุด เป็นเมืองน้ำพุร้อนที่เงียบสงบในภูเขาของจังหวัดยามากาตะ หมู่บ้านนี้เดิมที เป็นหมู่บ้านเหมืองแร่มาก่อน หลังปิดการทำเหมืองไปก็กลายมาเป็นหมู่บ้านออนเซ็นอย่างเดียว โดยที่นี่มีเรียวกังสไตล์ดั้งเดิมตามสองข้างทางของแม่น้ำ ที่กินซังออนเซ็นแห่งนี้มีคุณสมบัติเป็นออนเซ็นกำมะถันใสไม่มีสี แต่จะมีรสเค็มเล็กน้อย ซึ่งมีสรรพคุณช่วยรักษาบาดแผล เช่น แผลไฟไหม้, รักษาโรคผิวหนังเรื้อรัง และโรคหลอดเลือดแข็ง เป็นต้น แต่การจะมาแช่ออนเซ็นที่นี่ต้องศึกษาให้ดีนิดนึงนะ เพราะมีทั้งแบบต้องพักที่เรียวกังเท่านั้นถึงจะสามารถแช่น้ำพุร้อนได้ แต่ก็มีอีกแบบที่ไม่จำเป็นต้องพักก็สามารถแช่ได้

9.คิโนซากิ ออนเซ็น ( Kinosaki Onsen)
ออนเซ็นเก่าแก่อุดมไปคุณสมบัติล้ำค่า เป็นอีกหนึ่งเมืองออนเซ็นชื่อดังแห่งญี่ปุ่น และมีอายุยาวนานกว่าพันปีเลย อีกทั้งเหมาะสำหรับคนที่มีแผนเที่ยวภูมิภาคคันไซ เป็นหมู่บ้านออนเซ็นที่มีเสน่ห์ไม่ว่าจะเรื่องน้ำออนเซ็นที่มีสรรพคุณในการรักษาโรค แล้วยังมีเรื่องของอาหารที่ขึ้นชื่อ และบรรยากาศที่เหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอย่างมากอีกด้วย

10.อุเรชิโนะ อนเซ็น (Ureshino Onsen)
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัดซากะ (Saga) ในภูมิภาคคิวชู (Kyushu) เป็นแหล่งน้ำพุร้อนอนเซ็นชื่อดังที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 1,300 ปี ปัจจุบันก็ยังคงกลิ่นอายและบรรยากาศของญี่ปุ่นในสมัยโบราณ เมืองเดินทางมาถึงนั้นก็ทำรู้สึกว่าราวกับได้ย้อนเวลากลับไปในอดีต และอีกเรื่องที่ทำให้เมืองแก่งนี้มีเสน่ห์ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชม คือ ทัศนียภาพเมืองที่เต็มไปด้วยไร่ชา มีเส้นทางปั่นจักรยานชมเมือง และมีอาหารท้องถิ่นให้ได้ลองชิมในบรรยากาศเมืองเรโท สบายๆ
Copyright © 2019 niramitholiday.com | All Rights Reserved. | Powered by applezeed.com
go to top